Wednesday, 22 March 2023

6 ปัจจัยชี้ชัด อาร์เซน่อล ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก

หลังจากศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022/23 ผ่านมาถึงกลางทาง อาร์เซน่อล ยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้โดยกวาดแต้มไปแล้ว 50 แต้มจากการลงสนาม 19 นัด

จากผลงานนัดล่าสุดที่เปิดบ้านปราบ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 ทีม ปืนใหญ่ ขยับหนี แมนฯ ซิตี้ รองจ่าฝูงเป็น 5 แต้ม และลงบู๊น้อยกว่า เรือใบสีฟ้า หนึ่งนัด

แน่ๆว่าถึงแม้เส้นทางของฤดูกาลจะยังเหลืออีกยาวไกล แต่ปฏิเสธไม่ได้ด้วยเหมือนกันว่าสาวก เดอะ กันเนอร์ส ฝันถึงการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกกันแล้วนับตั้งแต่พวกเขาได้โทรฟี่ใบนี้มาเชยชมทีสุดท้ายในฤดูกาล 2003/04

จะอย่างไรก็ดี มันมีสัญญาณแสดงว่าอาร์เซน่อล จะบรรลุเป้าหมายในฤดูกาลนี้ อย่างไม่ต้องสงสัยด้วยเหตุผล 6 ข้อดังต่อไปนี้

1. แผงหลังอย่างหนา อาร์เซน่อล

กาลครั้งหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เคยร่วงวาทะว่า “เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับทำให้ท่านได้แชมป์”

เท่าที่ผ่านมา อาร์เซน่อลมีจุดอ่อนในเรื่องเกมรับมาตั้งแต่ตอนท้ายการคุมทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ อีกทั้ง อูไน เอเมรี่ ก็แก้ปัญหาตรงนี้ไม่เป็นผลสำเร็จ แต่ไม่ใช่ มิเกล อาร์เตต้า ซึ่งทำให้ทีมมีเกมรับที่แข็งโป๊ก

ดังจะมีความเห็นว่านาทีนี้ เดอะ กันเนอร์ส เสียประตูใน พรีเมียร์ลีก น้อยที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก นิวคาสเซิ่ล แค่นั้นโดยพวกเขาปล่อยให้คู่แข่งทำประตูได้แค่ 16 จาก 19 นัด

จากความยอดเยี่ยมดังกล่าว อาร่อน แรมสเดล นายทวารมือกาว สมควรได้รับคำชมไม่น้อยไปกว่าบรรดาแผงหลังเพราะว่าเขามีคลีนชีต 9 นัด ด้อยกว่าแค่ นิค โป๊ป นายทวารทีม สาลิกาดง รายเดียวเพียงแค่นั้นที่เก็บคลีนชีตได้มากกว่า

นอกจากความเหนียวหนึบของ แรมสเดล แล้ว คู่กองหลังอย่าง วิลเลี่ยม ซาลิบา กับ กาเบรียล มากัลเญส ก็ติดต่อประสานงานกันได้อย่างแน่นแฟ้น ขณะที่ เบน ไวท์ กับ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ สองฟูลแบ็คต่างก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ

อีกทั้งจากสถิติที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าทีมที่มีเกมรับหนักแน่นมักคว้าชัยชนะไปครองได้ในด้านหลังที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว อาร์เซน่อลก็เลยมีคุณสมบัติข้อนี้อยู่ในตัวอย่างชัดเจน

พรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล

2. ฟอร์มนัดเหย้า อาร์เซน่อล

นับตั้งแต่บอกลา ไฮบิวรี่ มาเล่นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในปี 2006 อาร์เซน่อลแทบไม่ค่อยได้สังสรรค์ใหญ่กันสักเท่าไหร่เนื่องจากว่ากันว่าบ้านหลังเดี๋ยวนี้ของพวกเขามีบรรยากาศที่เทียบกับบ้านหลังเก่าไม่ได้

อย่างไรก็ตาม หลังการเข้ารับตำแหน่งกุนซือของ อาร์เตต้า เขาสามารถเนรมิตให้สังเวียนแข้ง ที่นำสมัยเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศ ที่อึกทึก และทำให้ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม กลายเป็นสมรภูมิที่น่ายำเกรงของทีมคู่แข่งไปแล้ว

จากการลงเล่นเกมลีกนัดเหย้า 9 นัดในฤดูกาลนี้ เดอะ กันเนอร์ส มีผลงานชนะ 8 เสมอ 1 เก็บได้ทั้งหมด 25 แต้มจาก 27 แต้มโดยในจำนวนนี้เป็นเกมปลิดชีพทีมใหญ่อย่าง สเปอร์ส , ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างยอดเยี่ยม

มันยังไม่ใช่แค่นี้ ครึ่งฤดูกาลที่ผ่านไป ทีมของ อาร์เตต้า ลงเล่นนัดเยือนมากกว่านัดเหย้าด้วย มันจึงมีความหมายว่าพวกเขาเหลือเกมในบ้านช่วงครึ่งฤดูกาลหลังมากกว่าเกมเยือนรวมทั้งหมด 10 นัดด้วยกัน

3. สภาพจิตใจ

ปฏิเสธไม่ได้อีกเหมือนกันว่าเรื่องของหัวจิตหัวใจเปรียบเสมือนจุดอ่อนที่ทำให้ อาร์เซน่อล ร้างราจากการบรรลุเป้าหมายในนับเป็นเวลาหลายปีหลัง

สำหรับหัวข้อนี้ ไม่ต้องมองไปไกลเลย เนื่องจากว่าฤดูกาลก่อนอาร์เซน่อล ล้มฟุบในโค้งสุดท้ายอย่างไม่น่าเชื่อ และมีอันต้องเสียโควต้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับ สเปอร์ส ทีมคู่ปรับจนได้

“เราไม่ดีพอในหลายปีหลังต่อการร่วมลุ้นคว้าแชมป์ มันเป็นสิ่งที่เราต้องแสดงให้เห็นว่าเราทำได้ แต่คำพูดไม่มีความหมาย เราต้องลงมือทำในสนาม” อาร์เตต้า เอ่ย

“เราต้องมีความสมดุลย์ของสภาพร่างกายและจิตใจ มันเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นของทีม คุณจำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ”

“หากปราศจากสิ่งนี้ คุณจะไม่มีทางต่อสู้อย่างยาวนานเป็นเวลา 11 เดือนได้เลย และเราต้องสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาในทีม”

ถึงเวลานี้ อาร์เตต้า ประสบผลสำเร็จแล้วจากหลักฐานการนำทีมบุก ไปเก็บสามแต้มได้อย่างไม่ลำบากทั้งเกมเยือน เชลซี และ สเปอร์ส ในฤดูกาลนี้

ช่วงเวลาเดียวกัน พวกเขายังแซงชนะ เวสต์แฮม ได้ด้วย รวมทั้ง ฟูแล่ม และ แมนฯ ยูไนเต็ด กับการยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกมใส่ เจ้าสัวน้อย และ ผีแดงทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล ไม่เคยกลับสู่เกมได้เลยหลังเสียประตูก่อน ถ้าเกิดแต่วันนี้ขุนพล ปืนใหญ่ มีพลังแอบแฝงอย่างที่เห็น

ขณะเดียวกัน มั่นใจว่าการย้ายมาของทั้ง กาเบรียล เชซุส และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ อดีตสองดาวเตะ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งประสบผลสำเร็จได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ เรือใบสีฟ้า มาแล้วช่วยจุดประกายให้ห้องแต่งตัวของ อาร์เซน่อล ให้มีสภาพจิตใจที่อดทนเช่นกัน

4. ความยอดเยี่ยมของ โอเดการ์ด และ ซาก้า

เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับทุกทีมที่คว้าแชมป์ซึ่งจึงควรมีนักเตะ ที่ร่ายเพลงแข้งได้อย่างสุดดีเลิศพร้อมเพียงกันอย่างน้อยสองราย และสำหรับ อาร์เซน่อล ชุดนี้พวกเขามี มาร์ติน โอเดการ์ด กับ บูคาโย่ ซาก้า เป็นตัวชูโรง

จากการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก 19 นัด ซาก้า ซึ่งพัฒนาฝีเท้าได้อย่างรุดหน้าไปมากในระยะหลังส่งผลงานยิงได้ 7 ประตูและ 7 แอสซิสต์

ด้านกัปตันทีม โอเดการ์ด แปลงเป็นจอมทัพของทีม ปืนใหญ่ สุดกำลังแล้วในฤดูกาลนี้จากการปะทุฟอร์มสุดยอดได้โดยตลอดพาทีมกำชัยเป็นว่าเล่น

โดยเหตุนี้แล้ว ซาก้า ก็เลยมีลุ้นครอบครองรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ ขณะที่ โอเดการ์ด ก็น่าจะได้ลุ้นซิวรางวัลใหญ่ด้วยด้วยเหมือนกัน

“เอ้อร์ลิ่ง ฮาลันด์ สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าเข้าใจผมผิด ถ้าหาก ฮาลันด์ ยิงประตูได้อย่างสม่ำเสมอ แต่ อาร์เซน่อล ได้แชมป์ลีก โอเดการ์ด จะเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีสำหรับผม” ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เอ่ยออกมาเมื่อไม่นาน

ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก

5. มิได้เล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก

เกิดเรื่องช้ำใจอย่างแรงที่ อาร์เซน่อลวืดการคว้าอันดับท็อปโฟร์เมื่อซีซั่นก่อน แต่สำหรับซีซั่นนี้พวกเขาเป็นไปไม่ได้ปล่อยให้โควต้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก หลุดมือแน่ไม่ว่าสุดท้ายแล้วทีมลูกหนังแห่งกรุงลอนดอนจะเข้าเส้นชัยซิวแชมป์ลีกได้เสร็จหรือไม่ก็ตาม

ต่อการพลาดโควต้าดังกล่าว เปลี่ยนเป็นเรื่องดีเหมือนกันด้วยเหตุว่า อาร์เซน่อล ไม่จำเป็นต้องทุ่มสมาธิให้กับศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อกเอาต์เช่นเดียวกับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งจะทำให้ทีม ปืนใหญ่ ย้ำผลลัพธ์ของเกม พรีเมียร์ลีก ได้อย่างเต็มที่

และที่สำคัญ ไม่ใช่ความลับหากแม้แต่น้อยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หิวพา เรือใบสีฟ้า คว้าถ้วยหูใหญ่มาครองเป็นยุคแรกให้ได้เนื่องจากว่ามันเป็นโทรฟี่ใบสุดท้ายที่เขายังนำมามอบให้กับทีมเงินถังไม่เป็นผลสำเร็จ

ถึงช่วงนี้ หากแม้ กวาร์ดิโอล่า ยังหวังป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่เชื่อเถอะว่าแม้แลกเปลี่ยนได้ เขาหวังพาทีมซิวถ้วยหูใหญ่มาครองมากกว่าซึ่งบางทีอาจเอื้อประโยชน์ให้กับ อาร์เซน่อล ไปโดยปริยาย

ในทางกลับกัน หากแม้ เดอะ กันเนอร์ส ต้องลงเล่นเกมกลางอาทิตย์ในถ้วย ยูโรปาลีก แต่กุนซือสแปนิชไม่คิดเอาจริงเอาจังอยู่แล้วกับการโรเตชั่นทีมเพื่อเก็บความสดเอาไว้ไล่ล่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นสำคัญ

6. รอคอยการคัมแบ็คของ เชซุส

การบาดเจ็บของ กาเบรียล เชซุส ในศึก ฟุตบอลโลก ถูกเห็นว่าจะบ่อนทำลายช่องทางคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ อาร์เซน่อล

แต่เอาเข้าให้จริงๆการร้างสนามไปนานของดาวยิงทีมชาติ บราซิล ไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบต่อ อาร์เซน่อลเลยถึงแม้แต่น้อยในเมื่อพวกเขามี เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ฉายฟอร์มเด็ดยิงประตูในลีกได้ 4 ลูกจาก 5 นัดนับตั้งแต่เดือนเดือนธันวาคมที่ฟุตบอลลีกกลับมาฟาดแข้งกันอีกรอบ รวมทั้งสองประตูในเกมสยบ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 ด้วย

อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อลกำลังคอยการกลับมาของ เชซุส อย่างใจจดใจจ่อเพราะเขากระทุ้งประตูให้ทีมไปแล้ว 5 ลูก และ 6 แอสซิสต์จากการลงเล่นเกมลีก 14 นัดก่อนผละไปรับใช้ชาติ

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้า เชซุส ฟิตกลับมาลงสนามเมื่อไหร่ มันก็เปรียบได้ดั่ง อาร์เซน่อลได้นักฟุตบอลใหม่เพิ่มอีกรายซึ่งจะก่อให้พวกเขามีความน่ายำเกรงมากเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับ แมนฯ ซิตี้ ศึก ฟุตบอลโลก 2022 ทำให้นายทัพของ กวาร์ดิโอล่า หมดพลังไปไม่น้อยจากการลงเล่นที่ กาตาร์ รวมกันเป็นปริมาณ 4,572 นาที

ผิดกับอาร์เซน่อล ซึ่งนักเตะของ อาร์เตต้า ลงเล่นให้แผ่นดินเกิดรวมกันเพียงแค่ 1,700 นาที และมันจะส่งผลให้พวกเขามีความสดเหนือกว่า แมนฯ ซิตี้ อย่างแน่แท้